http://www.komchadluek.net/detail/20120506...2%E0%B8%87.html
Key points
- KTM freight carried on Thai train derailed in Thailand on 5th May 2012
- KTM officers feel angry at SRT (State Railway of Thailand) in failing to maintain the track in Thailand
- KTM officers also blamed Thai govt for neglecting basic things such as maintenance while wanting to pursue bullet train
QUOTE
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีคณะของชาวมาเลเซียเดินทางไปในจุดเกิดเหตุเมื่อลงจากรถได้สวมเสื้อสะท้อนแสงมีสัญลัก KTS.หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เข้าไปสอบถาม ทราบว่าหัวหน้าคณะดังกล่าวมี Mr.Badrul Hisham Bin Mohd Zakaria gani มีตำแหน่งเป็น Maketing Excutive.(Landbridg) ของ KTM. หรือบริษัทการรถไฟของมาเลเซียพร้อมด้วยผู้บริหารอีก 4 รายเข้ามาตรวจสอบในที่เกิดเหตุพร้อมทั้งบรรทึกภาพรถแคร่และคอนเทนเนอร์ที่ได้ความเสียหายอย่างหนัก
Mr.Chan ซึ่งเป็นตัวแทน TS. Trand Rail บริษัทที่ปรึกษาการเชื่อมโยงขนส่งระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย ของการรถไฟมาเลเซีย กล่าวว่า รถแคร่บรรทุกทั้ง 17 คันบรรทุกคอนเทนเนอร์ 34 ตู้เป็นยาพาราอัดแท่งรมควันมีมูลค่าตู้ละกว่า 10 ล้านบาท ทั้ง 34 ตู้มีมูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท ประเด็นคือรถแคร่ดังกล่าวทั้ง 17 คันเป็นของการรถไฟมาเลเซีย ที่นำมาบรรทุกคอนเทนเนอร์โดยมีหัวรถจักรของการรถไฟไทยลากไปรวมขบวนสินค้าที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากนั้นจะไปเปลี่ยนหัวรถจักรเป็นของการรถไฟมาเลเซียที่ อ.ปาดังเบซาร์ และเดินทางต่อไปที่ปีนัง ไปลงเรือสินค้าที่นั่น
“ทุกคนเป็นห่วงการรถไฟของประเทศไทย ฝ่ายการเมืองมัวแต่ไปวุ่นกับเรื่องรถไฟความเร็วสูงแต่ไม่เคยให้ความสำคัญกับเส้นทางการขนส่งระบบรางของภาคใต้ไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้งที่เป็นเส้นทางที่มีค่าใช้จ่ายถูกมาก สร้างรายได้ให้กับประเทศมหาศาล ขนส่งระบบรางมีแค่เส้นทางนี้เส้นทางเดียว รัฐบาลไทยคงไม่ทราบว่ารัฐบาลมาเลเซียได้สร้างระบบรางคู่หมดแล้ว สาเหตุที่เกิดขึ้นเพราะระบบรางของประเทศไทยไม่ได้มาตรฐาน ชำรุดจึงสร้างความเสียหายให้มากขนาดนี้ ซึ่งหลังจากนี้คงต้องไปดูต่อรื่องของการประกันภัยความเสียหาของตัวคอนเทนเนอร์ ตัวสินค้า รถแคร่ อีกมหาศาล ไม่รวมค่าระวางเรือที่ต้องสูญเสีย เสียเวลา เสียโอกาสนี่คือตัวอย่างที่ไม่มีประสิทธิภาพและไม่มีการพัฒนา ผมพยายามผลักดันเรื่องนี้มาเป็น10ปีแล้วรัฐบาลไทยไม่เคยใส่ใจเรื่องระบบการขนส่งในภาคใต้ของประเทศไทย” ที่ปรึกษารายนี้กล่าวในที่สุด
Mr.Chan ซึ่งเป็นตัวแทน TS. Trand Rail บริษัทที่ปรึกษาการเชื่อมโยงขนส่งระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย ของการรถไฟมาเลเซีย กล่าวว่า รถแคร่บรรทุกทั้ง 17 คันบรรทุกคอนเทนเนอร์ 34 ตู้เป็นยาพาราอัดแท่งรมควันมีมูลค่าตู้ละกว่า 10 ล้านบาท ทั้ง 34 ตู้มีมูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท ประเด็นคือรถแคร่ดังกล่าวทั้ง 17 คันเป็นของการรถไฟมาเลเซีย ที่นำมาบรรทุกคอนเทนเนอร์โดยมีหัวรถจักรของการรถไฟไทยลากไปรวมขบวนสินค้าที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากนั้นจะไปเปลี่ยนหัวรถจักรเป็นของการรถไฟมาเลเซียที่ อ.ปาดังเบซาร์ และเดินทางต่อไปที่ปีนัง ไปลงเรือสินค้าที่นั่น
“ทุกคนเป็นห่วงการรถไฟของประเทศไทย ฝ่ายการเมืองมัวแต่ไปวุ่นกับเรื่องรถไฟความเร็วสูงแต่ไม่เคยให้ความสำคัญกับเส้นทางการขนส่งระบบรางของภาคใต้ไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้งที่เป็นเส้นทางที่มีค่าใช้จ่ายถูกมาก สร้างรายได้ให้กับประเทศมหาศาล ขนส่งระบบรางมีแค่เส้นทางนี้เส้นทางเดียว รัฐบาลไทยคงไม่ทราบว่ารัฐบาลมาเลเซียได้สร้างระบบรางคู่หมดแล้ว สาเหตุที่เกิดขึ้นเพราะระบบรางของประเทศไทยไม่ได้มาตรฐาน ชำรุดจึงสร้างความเสียหายให้มากขนาดนี้ ซึ่งหลังจากนี้คงต้องไปดูต่อรื่องของการประกันภัยความเสียหาของตัวคอนเทนเนอร์ ตัวสินค้า รถแคร่ อีกมหาศาล ไม่รวมค่าระวางเรือที่ต้องสูญเสีย เสียเวลา เสียโอกาสนี่คือตัวอย่างที่ไม่มีประสิทธิภาพและไม่มีการพัฒนา ผมพยายามผลักดันเรื่องนี้มาเป็น10ปีแล้วรัฐบาลไทยไม่เคยใส่ใจเรื่องระบบการขนส่งในภาคใต้ของประเทศไทย” ที่ปรึกษารายนี้กล่าวในที่สุด